น้องวัตพระใหม่

บทความ

หลวงปู่บุญ วัดแสงน้อย อุบลราชธานี

14-03-2558 13:53:13น.

'หลวงปู่บุญ ขันตโรหรือ 'พระอุปัชฌาย์บุญ

พระเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งวัดแสงน้อย จ.อุบลราชธานี ที่ชาวเมืองอุบลฯ ให้ความเลื่อมใสศรัทธา และรู้จักชื่อเสียงของท่านเป็นอย่างดี

ปัจจุบันสิริอายุ 93 พรรษา 72 

อัตโนประวัติ บรรพชาเป็นสามเณร ตั้งแต่อายุ 17 ปี มีหลวงปู่ห่าน พุทธสาโร เป็นพระอุปัชฌาย์ จากนั้นท่านได้ศึกษาวิทยาคมกับหลวงปู่ห่าน จนมีความชำนาญหลากหลายด้าน

ครั้นอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ เข้าพิธีอุปสมบท โดยมีหลวงปู่ห่าน วัดนาคำใหญ่ เป็นพระอุปัชฌาย์, หลวงพ่อหนู ขันติโก วัดบ้านป่าข่า เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และหลวงพ่อพระอธิการบุญมา จันโท วัดบ้านผึ้ง เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายา 'ขันตโร'

หลวงปู่บุญ เรียนวิชากับพระอุปัชฌาย์ทั้ง 3 ท่าน ได้ภูมิรู้ภูมิธรรมพอตัว ต่อมา หลวงปู่ห่านได้พาท่านไปฝากตัวเป็นลูกศิษย์พระครูวิโรจน์รัตโนบล วัดทุ่งศรีเมือง (หลวงปู่รอด บูรณะพระธาตุพนม) ในปีพ..2483 

หลวงปู่รอดได้ถ่ายทอดวิชาสารพัดให้ศิษย์อย่างมิมีปิดบัง อาทิ วิชามหามนต์ยักษิณี, วิชาคาถาน้ำมนต์ขนานยักษ์, วิชาสีผึ้งดำช้างหลงโขลง และวิชาคาถามหาเมตตา

 

ท่านได้อยู่เรียนวิชากับหลวงปู่รอดได้เพียง 2 ปี เมื่อปีพ..2485 หลังจากนั้นได้ไปเรียนกัมมัฏฐานจากพระอาจารย์แพง จ.สกล นคร ศิษย์เอกสมเด็จลุน นครจำปาสัก หลังจากนั้นได้ลาพระอาจารย์แพงเข้าเมืองไปเรียนวิชาสายสำนักวัดประดู่ในโรงธรรม พระนคร ศรีอยุธยา โดยพักอยู่ที่วัดพระแก้ว ต.กะจิว กิ่งอ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา 

ผ่านไปอีกหลายปี หลวงปู่บุญได้ย้ายไปอยู่ที่วัดสระปทุม มีพ..ประสาร ทองภักดี เป็นอุปัฏฐาก ครั้นเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ท่านจึงกลับวัดแสงน้อย รับแต่งตั้งให้รักษาการเจ้าอาวาส



ขณะที่ท่านอยู่วัดแสงน้อยนั้น ท่านเดินธุดงค์ไปอีสานเหนืออีกครั้งหนึ่ง ไปอยู่กับญาท่านแพง อาจารย์ของญาท่านสวน วัดนาอุดม เดินธุดงค์ 3 รูป ประกอบด้วย ญาท่านแพง, ญาท่านสวน และหลวงปู่บุญ 

การธุดงค์ครั้งนี้ไม่เหมือนตอนเป็นสามเณร ด้วยต้องผ่านเข้าป่าดงบังอี่ ซึ่งคนแถวนั้นถือเป็นป่าผีสิง ไม่มีใครกล้าเข้าไป แม้แต่คนในพื้นที่ก็ตาม

 

หลวงปู่บุญ ถือเป็นบททดสอบจิตและอารมณ์พระกัมมัฏฐาน ได้ปักกลดกลางป่าลึก ทำวัตรสวดมนต์นั่งสมาธิท่าม กลางสัตว์ร้ายมากมาย ทั้งเสือ หมี เดินรอบกลด แถมยังต้องผจญผีป่า ผีโป่ง สารพัดภูตพราย

หลังจากสามารถผ่านพ้นภัยจากป่าดงบังอี่ หลวงปู่บุญได้เข้าไปกราบนมัสการพระธาตุพนม หลังจากนั้นได้ธุดงค์เดินตามริมแม่น้ำโขงเรื่อยมา ก่อนมุ่งหน้าสู่ภูลังกา และก็ได้เดินกลับอุบลราชธานี



สำหรับลำดับงานปกครองคณะสงฆ์ พ..2511 ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าคณะตำบลนาคำใหญ่ พ..2516 เป็นพระอุปัชฌาย์

ลำดับสมณศักดิ์ พ..2519 เป็นพระครูสัญญาบัตรเจ้าคณะตำบล ในราชทินนามที่ พระครูขันตยาธิคุณ

คนหมู่บ้านนั้นมักจะเรียกหลวงปู่บุญว่า พระครูถ่าน หรือหลวงปู่อุปัชฌาย์ หรือ 'พ่อถ่านอุปัชฌาย์' ด้วยความที่หลวงปู่เป็นพระเถระที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ไม่ค่อยเจ็บป่วย อาพาธ ชาวบ้านให้ความเลื่อมใสศรัทธาต่อหลวงปู่บุญ เป็นที่พึ่งของชาวเมืองอุบลฯ อย่างแท้จริง

 

หลวงปู่บุญ ถือเป็นพระเถระที่อาวุโสมากรูปหนึ่งในเมืองอุบลราชธานี ชาวบ้านขนานว่าหลวงปู่ใจดีเหมือนแม่น้ำ หรือเทพเจ้าแห่งทุ่งแม่น้ำชี 

ในปัจจุบัน หลวงปู่บุญยังสามารถสวดพระปาติโมกข์ได้ รวมทั้งมีความชำนาญเรื่องอักษรธรรม มูลน้อย มูลกลาง

ด้านวัตถุมงคล พระครูขันตยาธิคุณ หรือหลวงปู่บุญได้รับความนิยมจากนักสะสมนิยมพระเครื่องอย่างมาก เหรียญรุ่นแรก สร้างเมื่อปี 2534 ปัจจุบันกลายเป็นเหรียญหายาก ส่วนวัตถุมงคลประเภทเครื่องรางของขลังที่โด่งดังอยู่ในขณะนี้คือ แผ่นยันต์ปทุมโลหิต ลงแผ่นหนังวัวลายเสือสมิง เหรียญโภคทรัพย์ และแมงมุมดักโชค ฯลฯ

โดยเฉพาะ 'แผ่นยันต์ปทุมโลหิต' สร้างจากหนังวัวลายเสือ สร้างตามแบบโบราณตามตำนานมหาเทพผู้ใหญ่ของพราหมณ์ พระนารายณ์ทรงครุฑ พระพรหมทรงหงส์ พระอิศวรทรงโคศุภราช เทพพาหนะถือเป็นเทพใหญ่มีอานุภาพมาก ต้องบวงสรวงไหว้ให้ดี 

ทุกวันนี้ เกียรติคุณความขลังและความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงปู่บุญยังเป็นที่กล่าวขวัญสืบมา